
เลือกพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่ติดต่อกันและมีความอุดมสมบูรณ์ของดินโดยธรรมชาติค่อนข้างสูง ประกอบด้วยธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของข้าวอย่างเพียงพอ มีแหล่งน้ำสำหรับปลูก ไม่ควรเป็นพื้นที่ที่มีการใช้สารเคมีในปริมาณมากติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือมีการปนเปื้อนของสารเคมีสูงและห่างจากพื้นที่ที่มีการใช้สารเคมีการเกษตรพื้นที่ที่จะใช้ในการผลิตข้าวโดยปกติมีการตรวจสอบ หาสารตกค้างในดินหรือในน้ำ

พันธุ์ข้าวที่ใช้ปลูกควรมีคุณสมบัติด้านการเจริญเติบโตเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในพื้นที่ปลูกและให้ผล
ผลิตได้ดีแม้ในสภาพดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างต่ำ ต้านทานโรค แมลงที่สำคัญ และมีคุณภาพ
เมล็ดตรงตามความต้องการของผู้บริโภคข้าวอินทรีย์ การผลิตข้าวอินทรีย์ในปัจจุบันส่วนใหญ่ใช้พันธุ์ขาว
ดอกมะลิ 105 และ กข 15 ซึ่งทั้งสองพันธุ์เป็นข้าวที่มีคุณภาพเมล็ดดีเป็นพิเศษ
3. เตรียมดิน
วัตถุประสิงค์หลักของการเตรียมดิน คือสร้างภาพที่เหมาะสมต่อการปลูกและการเจริญเติบโตของข้าว ช่วย
ควบคุมวัชพืช โรค แมลง และสัตว์ศัตรูข้าวบางชนิด การเตรียมดินมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับคุณสมบัติดิน
และสภาพแวดล้อมในแปลงนาก่อนปลูกโดยการไถดะ ไถแปร คราด และทำเทือก
4. การปลูก
การปลูกข้าวแบบปักดำ จะเหมาะสมที่สุดกับการผลิตข้าวอินทรีย์ เพราะการเตรียมดิน ทำเทือก การรักษา
ระดับน้ำขังในนาจะช่วยควบคุมวัชพืชได้และการปลูกกล้าข้าวลงดินจะช่วยให้ข้าวสามารถแข่งขันกับวัชพืช
ได้ ต้นกล้าที่ใช้ปักดำควรมีอายุประมาณ 30 วัน เลือกต้นกล้าที่เจริญเติบโตแข็งแรงดี ปราศจากโรคและ
แมลงทำลาย เนื่องจากในการผลิตข้าวอินทรีย์ต้องหลีกเลี่ยงการใช้สารสังเคราะห์ทุกชนิด โดยเฉพาะปุ๋ย
เคมี จึงแนะนำให้ใช้ระยะปลูกถี่กว่าระยะปลูกที่แนะนำสำหรับการปลูกข้าวโดยทั่วไปเล็กน้อย คือประมาณ
20×20 เซนติเมตร จำนวนต้นกล้า 5 ต้นต่อกอและใช้ระยะปลูกแคบกว่านี้ หากดินนามีความอุดมสมบูรณ์
ค่อนข้างต่ำ ในกรณีที่ต้องปลูกล่าหรือปลูกหลังจากช่วงเวลาปลูกที่เหมาะสมของข้าวแต่ละพันธุ์ และมี
ปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงาน แนะนำให้เปลี่ยนไปปลูกวิธีอื่นที่เหมาะสม
5. ใช้ปุ๋ยอินทรีย์จากธรรมชาติ
ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยมูลสัตว์ ได้แก่มูลสัตว์ต่างๆ ปุ๋ยหมัก ใช้จุลินทรีย์ในการทำปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด ปลูกก่อนปัก
ดำข้าวประมาณ 70 วัน โดยใช้อัตราเมล็ดพันธุ์ประมาณ 7 กิโลกรมต่อไร่ เพื่อ ให้ต้นปุ๋ยพืชสดมีช่วงการ
เจริญเติบโตเพียงพอที่จะผลิตมวลพืชสดได้มาก มีความเข้มข้นของธาตุไน โตรเจนสูและไถกลบพืชสด
ก่อนการปลูกข้าวตามกำหนดเวลา อินทรีย์วัตถุต่างๆจากธรรมชาติ เช่น แหนแดง สาหร่ายสีน้ำเงินแกม
เขียว กากเมล็ดสะเดา เลือดสัตว์ แห้ง กระดูกป่น ขี้เถ่าและหินปูนบางชนิด
6. ควบคุมวัชพืช
หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีสังเคราะห์ทุกชนิดในการควบคุมวัชพืช ควบคุมวัชพืชโดยวิธีกล ตั้งแต่การเตรียม
ดินที่เหมาะสม การใช้ระดับน้ำควบคุมวัชพืช การใช้วัสดุคลุมดิน การถอนด้วยมือ
7. ป้องกันกำจัดโรค แมลง และสัตว์ศัตรูพืช
– ไม่ใช้สารสังเคราะห์ในการป้องกันกำจัดแมลง และสัตว์ศัตรูข้าวทุกชนิด
– ปฏิบัติด้านเขตะกรรม เช่น การเตรียมแปลง กำหนดช่วงเวลาปลูกที่เหมาะสม ใช้อัตราเมล็ดและระยะ
ปลูกที่เหมาะสม การปลูกพื้ชหมุนเวียนเพื่อตัดวงจรการระบาดของโรค แมลงและสัตว์ศัุตรูข้าว การ
รักษาความอุดมสมบูรณ์ของดิน และสมดุลของธาตุอาหารพืช การจัดการน้ำ เพื่อให้ต้นข้าวเจริญ
เติบโตดี สมบูรณ์และแข็งแรง สามารถลดการทำลายของโรคแมลงและสัตว์ศัตรูข้าวได้ส่วนหนึ่ง
– จัดการสภาพแวดล้อมไม่ให้เหมาะสมกับการระบาดของโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าว เช่น การกำจัด
วัชพืช การกำจัดเศษซากพืชที่เป็นโรคโดยใช้ปูนขาว หือกำมะถันผลที่ไม่ผ่านกระบวนการทางเคมี
และปรับสภาพดินไม่ให้เหมาะสมกับการระบาดของโรค
– รักษาความสมดุลทางธรรมชาติ โดยส่งเสริมการเผยแพร่ขยายปริมาณของแมลที่มีประโยชน์ เช่น
ตัวห้ำ ตัวเบียน และศัตรูธรรมชาติ เพื่อช่วยความคุมแมลงและสัตว์ศัตรูข้าว
– ปลูกพืชขับไล่แมลงบนคันนา เช่น ตะไคร้หอม
– หากมีความจำเป็นอนุญาตให้ใช้สารสกัดจากพืช เช่น สะเดา ข่า ตะไคร้หอม ใบแคฝรั่ง
– ใช้วิธีกล เช่น ใช้แสงไฟล้อ ใช้กำดัก ใช้กาวเหนียว
8. ก่อนและหลังการเก็บเกี่ยว
เก็บเกี่ยวหลังข้าวออกดอกประมาณ 30 วัน สังเกตจากเมล็ดในรวงข้าวส่วนใหญ่เปลี่ยนเป็นสีฟาง เรียกว่า
ระยะข้าวพลับพลึง การตาก ขณะเก็บเกี่ยวเมล็ดข้าวมีความชื้นประมาณ 18-24 เปอร์เซ็นต์ จำเป็นต้อง
ลดให้เหลือ 14 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้เหมาะสมต่อการนำไปแปรสภาพ หรือเก็บรักษา และมีคุณภาพการสีดี
9. เก็บรักษาผลผลิต
ต้องเก็บรักษาด้วยวิธีจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม เป็นต้นว่า เก็บในห้องที่ควบคุมอุณหภูมิ การใช้
ภาชนะเก็บที่มิดชิดหรืออาจใช้เทคนิคการใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในการเก็บรักษา การเก็บในห้องที่มี
อุณภูมิต่ำจะป้องกันการเจริญเติบโตของโรคและแมลงได้
แหล่งที่มา : https://sites.google.com/site/organicriceforyou/kar-pluk-khaw-xinthriy
จัดทำโดย : กศน.ตำบลสบสาย